การตี Hitting |
|
การตี HIT |
|
ในการเล่นเบสบอลทุกคนชอบที่จะตีลูกที่ถูกขว้างมาจาก Pitcher มากที่สุด
และจะดีใจมาก ถ้าตีถูกเต็มๆ ไม้ ในใจลึกๆ ก็คงอยากตีให้ได้ Home Run
เหมือนนักเบสบอลมืออาชีพกับเขาบ้างสักครั้งก็ยังดี |
|
หลายคนคิดว่าตัวเองร่างกายไม่ใหญ่โต ตีข้ามรั้วคงทำไม่ได้
(นักกีฬาที่มีรูปร่างสูงใหญ่ กล้ามเนื้อแข็งแรง ย่อมมีศักยภาพที่ดีกว่า )
แต่ความจริงแล้วรูปร่างไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่สุด
ที่สำคัญยังเป็นการใช้กล้ามเนื้อส่วนใหญ่ของร่างกายให้สัมพันธ์กัน
โดยเฉพาะในจังหวะเวลาที่ลูกกระทบไม้ ( Impact ) |
|
ผู้ตี (Batter) ที่ดีเป็นอย่างไร |
|
นักกีฬาเบสบอลเมื่อต้องเข้าไปยืนใน Batter Box
ก็เหมือนกันการต่อสู้กันระหว่าง Pitcher และผู้ตี (Batter)
ถ้าผู้ตีสามารถทำให้ Pitcher เกิดความกลัว หรือขาดความมั่นใจได้
จะชิงเป็นฝ่ายได้เปรียบทันที มีคำถามว่า “ แล้ว Batter แบบไหนที่ Pitcher
กลัว?” คำตอบคือ “Batter ที่มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้” |
|
- วิ่งเร็ว
- สายตาดีมาก คือ เลือกลูกดีมาก ลูกที่เป็นบอล จะไม่ออกไม้เลย
- มีใจต่อสู้ (Fighting Spirit) ดีมาก ถึง Pitcher ขว้างลูกดีมากก็ไม่กลัว
- มีความสามารถตีได้หลายจุดใน Strike Zone ทั้งลูกธรรมดาและลูกพลิกแพลงต่างๆ
- ใช้สมองคิดตลอดเวลา เลือกทำสิ่งที่ดีที่สุด ตลอดสถานการณ์ของเกมส์การแข่งขัน
|
|
เริ่มต้นด้วยการจับไม้ให้ถูกวิธี |
 |
|
การจับไม้ ( Grip ) |
|
การตีเบสบอลต้องตีให้แรง การจะตีแรงได้ปัจจัยแรกอยู่ที่การจับไม้ ควรจับให้เหมือนกับจับดาบเคนโด ( kendo ) |
|
 |
|
การจับแบบยาว-สั้น ขึ้นอยู่กับความถนัดถ้าตีได้ดี แบบไหนก็สามารถตี Home
run ได้
เพราะฉะนั้นเลือกจับไม้ให้ถนัดที่สุดของตัวเองให้สามารถออกไม้ได้เร็วที่สุด |
|
 |
|
|
ท่ายืน (เตรียมตัวตี)
จะต้องยืนให้สบายๆ ไม่เกร็งเตรียมพร้อมจะตี
แยกเท้าพอประมาณกว้างกว่าไหล่เล็กน้อยให้น้ำหนักตกค่อนไปทางขวา (ถนัดขวา)
ลำตัวส่วนล่างย่อเล็กน้อย เตรียมพร้อมที่จะถ่ายน้ำหนักเพื่อตีลูกบอล
ส่วนบนควรอยู่ในจังหวะบิดเงื้อเล็กน้อยปล่อยตัวตามสบายให้เป็นธรรมชาติ
จับไม้ไม่ต้องแน่นมาก ไม่เกร็ง (จังหวะรอลูก) |
|
|
|
ท่ายืนแบบปกติ
พยายามให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด แต่บางคนอาจยืน
แบบปิดหรือเปิดตามความถนัด
(แบบปิดอาจจะตีลูก inside ได้ยาก แบบเปิดอาจจะตีลูก outside ได้ยาก)
ให้หาลูกที่ถนัดของตัวเองและปรับท่ายืนให้เหมาะสมกับลูกที่ตัวเองถนัด |
|
|
|
|
Ball และ Strike |
|
เบสบอลเป็นเกมที่เน้นความยุติธรรม หรือ Fair Play ถ้า Pitcher
ขว้างออกนอก Zone กรรมการจะขาน “Ball” มาจากคำว่า Unfairball หมายความว่า
ไม่ยุติธรรมหรือไม่ขว้างให้เข้าเขตตี
ถ้า Pitcher ขว้างเข้าเขตตี
แต่ Batter ไม่ตี กรรมการจะขานว่า “Strike” หมายความว่า “ตีสิ?”
ในความหมายคือลูกมาดีๆ สวยๆ ทำไมไม่ตี
|
|
|
Strike Zone เขตตี |
|
สูงครึ่งหนึ่งจากเข็มขัดถึงหัวไหล่ ต่ำสุดอยู่ที่ใต้หัวเข้า กว้างเท่ากับ Home Plate |
 |
|
จุดตี (Impact) คือที่ไหน? |
|
Batter ควรตีให้ไม้กระทบลูก ที่หน้า Home Plate จะเป็น
ลูกที่ตีได้แรงที่สุด เพราะเป็นจุดที่กล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายออกแรง
ได้เต็มที่ สัมพันธ์กับระบบโครงสร้างของร่างกายกับไม้ผู้ตีทุกคนจึงต้องฝึก
ให้เกิดความชำนาญและแม่นยำในจุดตีของตัวเอง
ถ้าจุดตีเลยเข้ามาด้านในมากจะเป็นการใช้กล้ามเนื้อลำตัวส่วนบน
เราจะไม่ได้ใช้ประโยชน์จากส่วนล่าง |
|
 |
|
|
|
ลองทำดู |
ลองให้สองคนหันหน้าเข้าหากันคนหนึ่งเอามือจับลำตัวเพื่อน ทดลองออกแรงดันให้เพื่อน เคลื่อนไปทางซ้ายจะรู้สึกยากมาก
ต่อไปลองยืนแบบท่าตีแล้วออกแรงผลักเพื่อนอีกที พยายามบิดสะโพก บิดเอว ให้กล้ามเนื้อ
ทุกส่วนออกแรงพร้อมกันจะสามารถดันให้เพื่อนเคลื่อนตัวไปได้ง่ายมาก |
 |
|
การออกไม้ตี (Swing) |
|
Batter
ทุกคนต้องคิดว่าตัวเราเหมือนยางลบแท่งหนึ่ง เมื่อเตรียมพร้อมจะตี
ก็เหมือนบิดยางลบไปข้างหลังให้สุด (back swing) ในจังหวะที่ (swing)
ออกไม้ก็คือการปล่อยให้ยางลบดีดตัวคืนกลับมาในสภาพเดิม
เปรียบได้กับร่างกายของคนเรา กล้ามเนื้อก็เหมือนแท่งยางลบ
จะออกแรงได้ดีก็ต้องบิดไปข้างหลังให้สุดแล้วกลับคืนสภาพไปข้างหน้า
เป็นธรรมชาติของการเคลื่อนไหว |
|
 |
|
โดยทั่วไป การตี แบ่งออกเป็น 4 จังหวะ
|
1. |
Back swing / take back |
2. |
Forward swing |
3. |
Impact |
4. |
Follow through |
|
|
1. |
จังหวะ take
back หรือ back swing ให้น้ำหนักลงที่ขา
เหมือนเป็นแกนหมุนเงื้อไม้ไปด้านหลังเล็กน้อย บิดข้อมือให้แน่น
จะเป็นการสะสมกำลังเหมือนการง้างคันธนู |
|
|
2. |
จังหวะการออกไม้
หลายคนอาจคิดว่าเริ่มที่แขนและมือทำการดึงไม้ออกมาตีบอล แต่จริงๆ
แล้วต้องเริ่มจากส่วนล่างก่อน คือ สเต็ปเท้าหน้าเล็กน้อย
พอเท้าแตะพื้นให้ทำการบิดสะโพก
ออกแรงที่ส่วนล่างของลำตัวอย่างแรงและเร็ว
ส่วนบนคือลำตัวและแขนตามติดต่มอมาแบบอัตโนมัติเหมือนแท่งยางลบดีดตัวกลับคืน
สภาพเดิม |
|
|
3. |
จุดที่ไม้กระทบลูก (Impact)
เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในการตี ถ้าทำได้สมบูรณ์แบบ จะทำ Home Run
ได้แน่นอน การตีให้เกิดจุดกระทบอย่างสมบูรณ์แบบมีองค์ประกอบ 3 อย่าง
ซึ่งต้องทำให้พร้อมกันในจังหวะที่ไม้กระทบลูกคือ |
|
3.1 |
แรงเหวี่ยงจากลำตัวส่วนล่างและส่วนบนทำให้เกิดแรงหนีศูนย์กลางถ่ายไปยังแขนและไม้ |
3.2 |
ลักษณะคานดีด-คานงัด
ของแขนและไม้โดยมีข้อมือเป็นจุดหมุนทำให้แขนและไม้เป็นเส้นตรงเดียวกัน
ลักษณะนี้ คานจะยาวขึ้นมีผลให้มีพลังในการดีด-ส่งมากขึ้น |
3.3 |
การบิดคืนตัวของกล้ามเนื้อเพื่อส่งถ่ายกำลังมาจบลงที่จังหวะไม้กระทบลูกพอดี |
|
|
|
4. |
เมื่อไม้กระทบลูกแล้วต้องออกแรงยก
บอลดันไม้ต่อไปจนเลยไปด้านหลังให้ครบวง (follow through)
โดยใบหน้าจะอยู่ที่เดิมไม่หมุนไปตามการเคลื่อนไหวของไหล่และแขน
สายตาจับอยู่ที่ลูกบอลตลอดเวลา |
|
|
|
|
การหาจังหวะในการตี (Timing) |
|
Pitcher
แต่ละคนมีท่าทางในการขว้างบอลไม่เหมือนกัน ช้า-เร็ว ต่างกัน
แต่ในจังหวะย่อตัวเพื่อถ่ายน้ำหนักช่วยในการขว้าง ตรงนี้ Pitcher
ทุกคนจะต้องทำเหมือนกัน และใช้เวลาใกล้เคียงกันมาก
แทบไม่แตกต่างกันจุดนี้เป็นจุดสำคัญที่ ผู้ตีต้องสังเกต
จับให้ได้เพราะเป็นเคล็ดสำคัญของการหาจังหวะในการตี
เมื่อจับจังหวะนี้ได้แล้ว ให้ผู้ตีทำการ take back ในจังหวะเดียวกัน
จังหวะในการตีของผู้ตีจะมีความแน่นอนมากขึ้น |
|
 |
|
 |
|
 |
|
|
การตีลูก ลักษณะต่างๆ |
|
ลูกที่ขว้างมาจาก Pitcher จนเข้าเขต
Strike Zone อาจจะมาได้หลายลักษณะและหลายจุด
เราสามารถประมาณตำแหน่งได้อย่างน้อยมีอยู่ 9 จุด ตามรูป
ตรงกลางเป็นจุดที่สามารถตีได้ง่ายที่สุด แต่ Pitcher
ที่ดีก็ไม่ยอมขว้างมาให้ตีได้ง่ายๆ แน่นอน
เราจึงต้องฝึกตีลูกในมุมยากอื่นๆ ด้วย คือลูกวงใน (In-course) และลูกวงนอก
(Out-course) |
|
 |
 |
ลูกวงนอก (Out-course) มี 2 แบบ คือ นอกสูงและนอกต่ำ จุดตี
ของวงนอกสูงจะอยู่ใกล้ตัวกว่าวงนอกต่ำ |
|
|
 |
ลูกวงใน (In-course) มี 2 แบบ คือในสูง และในต่ำ จุดตีของลูกวงในนี้
จะอยู่หน้าโฮมเพลท ไกลตัวออกไปเล็กน้อย และจุดตีของลูกในสูง จะอยู่ไกลกว่าลูกในต่ำ |
|
|
|
|
|
|
|
วิธีตี Out-course สูง |
 |
|
เหมือนกับการตีปกติคื่อเริ่มจังหวะ take-back ให้พร้อมกับ Pitcher เมื่อเห็นลูกมามุมนอกสูง จึงเริ่ม |
|
- สเต็ปเท้าเข้าหาโฮมเพลทเล็กน้อย |
|
- ออกไม้ให้ขนานกับพื้นไม่ต้องเฉียงลง |
|
- พยายามตีออกไปทาง Right field |
|
- ระวังไม่เอื้อมหรือโยกตัวออกไปตี (ตีให้อยู่ในท่าตีปกติ) |
|
|
|
|
|
วิธีตี Out-course ต่ำ |
 |
|
เหมือนกับการตีปกติคือเริ่มจังหวะ take-back ให้พร้อมกับ Pitcher เมื่อเห็นลูกมามุมนอกต่ำ จึงเริ่ม |
|
- สเต็ปเท้าเข้าหาโฮมเพลทเล็กน้อย |
|
- ย่อขาลงให้มากกกว่าปกติ |
|
- ออกไม้ให้หัวไม้เฉียงลง |
|
- พยายามตีดันออกไปให้สูงเลยศรีษะ ผู้เล่นบ้านหนึ่ง เล็กน้อย |
|
- ระวังไม่เอื้อมหรือโยกตัวออกไปตี (ตีให้อยู่ในท่าตีปกติ) |
|
|
|
|
|
วิธีตี In-course สูง |
 |
|
เหมือนกับการตีปกติคือเริ่มจังหวะ take-back ให้พร้อมกับ Pitcher เมื่อเห็นลูกมามุมในสูง จึงเริ่ม |
|
- บิดสะโพก-เอวให้เร็วกว่าปกติ |
|
- ออกไม้ให้ขนานพื้นิ |
|
- ระวังอย่างอหรือพับแขนขณะตี |
|
|
|
|
|
|
|
วิธีตี In-course ต่ำ |
 |
|
เหมือนกับการตีปกติคือเริ่มจังหวะ take-back ให้พร้อมกับ Pitcher เมื่อเห็นลูกมาในมุมต่ำ จึงเริ่ม |
|
- บิดสะโพก-เอวให้เร็วกว่าปกติ |
|
- ย่อเข่าลงให้มากกว่าปกติ |
|
- ออกไม้ให้ขนานพื้น |
|
- ระวังอย่างอหรือพับแขนขณะตี |
|
|
|
ในการตีลูกทั้ง In-course และ
Out-course นั้นต้องตีให้แรงและตรงที่สุด พยายามตีให้ลูกอยู่ในสนาม
ไม่ออกไปในเขต ฟาว์บอล (Foulball) การตีทุกลูกไม่ว่าจะเป็นลูกอะไร
จะต้องให้สายตาอยู่ที่ลูกบอลตลอดเวลา |
|
 |
|
|
|
แบบฝึกการตี |
|
จับคู่ขว้างให้ตี
* จับคู่ห่างกันประมาณ 10 เมตร ผลัดกันขว้างเบาๆ ให้ตี |
- |
ฝึกสายตาการมองลูก จากมือคนขว้างจนถึงจุดที่ลูกกระทบไม้ (จุดตี) |
- |
พยายามให้ “จุดตี” อยู่ที่ตำแหน่งเดิมทุกครั้ง
|
- |
ตีให้ลูกกระทบพื้นหนึ่งครั้ง คืนให้กับคนขว้าง |
|
|
 |
|
ตีลูกโยน (Toss Batting) |
|
การตีลูกโยนสำคัญที่คนโยนต้องโยนลูกให้ได้เวลาประมาณเท่าๆ
กับการขว้างลูกของ Pitcher ถึงหน้า โฮมเพลท (จุดตี)
ดังตัวอย่างในตารางในหน้า 66 ถ้า Pitcher ขว้างได้ 100 km/hr
ลูกจะถึงจุดตีใช้เวลาประมาณ 1.37 วินาที ผู้โยนควรโยนลูกให้ได้เวลาเท่าๆ
กัน ในการตีลูกโยนอาจทำได้ 2 แบบคือ ตีใส่ตาข่าย หรือตีออกไปไกลๆ
ในสนามก็ได้ |
ในการฝึกตีลูกโยนผู้โยนควรให้จังหวะด้วยการออกเสียงพร้อมกับย่อตัว
เสมือนกับการย่อเตรียมขว้างของ Pitcher
คนตีก็จะย่อเตรียมตีในจังหวะเดียวกัน เป็นการฝึกสร้างจังหวะ ( Timing)
ในการตีให้สัมพันธ์กับการขว้างของ Pitcher |
|
 |
|
|
|
การตีโดยใช้แท่นวางบอล ( Tee-Batting) |
|
- |
เพื่อเป็นการหาจุดตีของตัวเอง และฝึกประจำให้มีความคุ้นเคยกับจุดตีของแต่ละคน |
- |
การที่ลูกอยู่ที่เดิมตลอดเวลาจะช่วยในการปรับ แก้ไข ท่าทางการตีให้ถูกต้องได้ง่ายและมีความแน่นอนมากขึ้น |
|
|
|
|
"การฝึก Tee-Batting หลาย
คนอาจจะไม่ชอบฝึกเพราะเหมือนมือใหม่หรือเหมือนกับการฝึกของเด็กๆ
แต่ความจริงเป็นการให้ประโยชน์กับผู้ฝึกอย่างมากโดยใช้เวลาน้อย
ช่วยให้มีจุดตีแน่นอน และการเคลื่อนไหวของร่างกายในการตี แน่นอนมั่นคง
ผู้เล่นหลายคนที่เวลาแข่งขันตีได้ไม่ดี
ควรฝึกด้วยวิธีนี้จะช่วยให้พัฒนาการการตีดีขึ้นได้" |
|
|
 |
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น