วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2555

การตี Hitting

การตี Hitting
 
การตี HIT

          ในการเล่นเบสบอลทุกคนชอบที่จะตีลูกที่ถูกขว้างมาจาก Pitcher มากที่สุด และจะดีใจมาก ถ้าตีถูกเต็มๆ ไม้ ในใจลึกๆ ก็คงอยากตีให้ได้ Home Run เหมือนนักเบสบอลมืออาชีพกับเขาบ้างสักครั้งก็ยังดี
 
          หลายคนคิดว่าตัวเองร่างกายไม่ใหญ่โต ตีข้ามรั้วคงทำไม่ได้ (นักกีฬาที่มีรูปร่างสูงใหญ่ กล้ามเนื้อแข็งแรง ย่อมมีศักยภาพที่ดีกว่า ) แต่ความจริงแล้วรูปร่างไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่สุด ที่สำคัญยังเป็นการใช้กล้ามเนื้อส่วนใหญ่ของร่างกายให้สัมพันธ์กัน โดยเฉพาะในจังหวะเวลาที่ลูกกระทบไม้ ( Impact )
 
ผู้ตี (Batter) ที่ดีเป็นอย่างไร
 
          นักกีฬาเบสบอลเมื่อต้องเข้าไปยืนใน Batter Box ก็เหมือนกันการต่อสู้กันระหว่าง Pitcher  และผู้ตี (Batter) ถ้าผู้ตีสามารถทำให้ Pitcher เกิดความกลัว หรือขาดความมั่นใจได้  จะชิงเป็นฝ่ายได้เปรียบทันที  มีคำถามว่า “ แล้ว Batter แบบไหนที่ Pitcher กลัว?” คำตอบคือ “Batter ที่มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้”

  • วิ่งเร็ว
  • สายตาดีมาก  คือ เลือกลูกดีมาก  ลูกที่เป็นบอล  จะไม่ออกไม้เลย
  • มีใจต่อสู้ (Fighting Spirit) ดีมาก  ถึง Pitcher ขว้างลูกดีมากก็ไม่กลัว
  • มีความสามารถตีได้หลายจุดใน Strike Zone ทั้งลูกธรรมดาและลูกพลิกแพลงต่างๆ
  • ใช้สมองคิดตลอดเวลา  เลือกทำสิ่งที่ดีที่สุด  ตลอดสถานการณ์ของเกมส์การแข่งขัน
 
เริ่มต้นด้วยการจับไม้ให้ถูกวิธี
 
  การจับไม้ ( Grip )
 
          การตีเบสบอลต้องตีให้แรง การจะตีแรงได้ปัจจัยแรกอยู่ที่การจับไม้ ควรจับให้เหมือนกับจับดาบเคนโด ( kendo )
 

          การจับแบบยาว-สั้น ขึ้นอยู่กับความถนัดถ้าตีได้ดี แบบไหนก็สามารถตี Home run ได้ เพราะฉะนั้นเลือกจับไม้ให้ถนัดที่สุดของตัวเองให้สามารถออกไม้ได้เร็วที่สุด
 
 
 
ท่ายืน (เตรียมตัวตี) จะต้องยืนให้สบายๆ ไม่เกร็งเตรียมพร้อมจะตี แยกเท้าพอประมาณกว้างกว่าไหล่เล็กน้อยให้น้ำหนักตกค่อนไปทางขวา (ถนัดขวา) ลำตัวส่วนล่างย่อเล็กน้อย เตรียมพร้อมที่จะถ่ายน้ำหนักเพื่อตีลูกบอล ส่วนบนควรอยู่ในจังหวะบิดเงื้อเล็กน้อยปล่อยตัวตามสบายให้เป็นธรรมชาติ จับไม้ไม่ต้องแน่นมาก ไม่เกร็ง (จังหวะรอลูก)
 
 
 
ท่ายืนแบบปกติ  พยายามให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด  แต่บางคนอาจยืน  แบบปิดหรือเปิดตามความถนัด (แบบปิดอาจจะตีลูก inside ได้ยาก แบบเปิดอาจจะตีลูก outside ได้ยาก) ให้หาลูกที่ถนัดของตัวเองและปรับท่ายืนให้เหมาะสมกับลูกที่ตัวเองถนัด
 
 
 
 
  Ball และ Strike
 
          เบสบอลเป็นเกมที่เน้นความยุติธรรม  หรือ Fair Play ถ้า Pitcher ขว้างออกนอก Zone กรรมการจะขาน “Ball” มาจากคำว่า Unfairball หมายความว่า  ไม่ยุติธรรมหรือไม่ขว้างให้เข้าเขตตี
          ถ้า Pitcher ขว้างเข้าเขตตี แต่ Batter ไม่ตี  กรรมการจะขานว่า “Strike” หมายความว่า “ตีสิ?”  ในความหมายคือลูกมาดีๆ  สวยๆ  ทำไมไม่ตี
 
 
  Strike Zone เขตตี
 
          สูงครึ่งหนึ่งจากเข็มขัดถึงหัวไหล่  ต่ำสุดอยู่ที่ใต้หัวเข้า  กว้างเท่ากับ Home Plate
 
  จุดตี (Impact) คือที่ไหน?
 
          Batter  ควรตีให้ไม้กระทบลูก  ที่หน้า Home Plate จะเป็น ลูกที่ตีได้แรงที่สุด  เพราะเป็นจุดที่กล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายออกแรง ได้เต็มที่  สัมพันธ์กับระบบโครงสร้างของร่างกายกับไม้ผู้ตีทุกคนจึงต้องฝึก ให้เกิดความชำนาญและแม่นยำในจุดตีของตัวเอง
          ถ้าจุดตีเลยเข้ามาด้านในมากจะเป็นการใช้กล้ามเนื้อลำตัวส่วนบน เราจะไม่ได้ใช้ประโยชน์จากส่วนล่าง
 
 

 
ลองทำดู
          ลองให้สองคนหันหน้าเข้าหากันคนหนึ่งเอามือจับลำตัวเพื่อน ทดลองออกแรงดันให้เพื่อน เคลื่อนไปทางซ้ายจะรู้สึกยากมาก
          ต่อไปลองยืนแบบท่าตีแล้วออกแรงผลักเพื่อนอีกที พยายามบิดสะโพก บิดเอว ให้กล้ามเนื้อ ทุกส่วนออกแรงพร้อมกันจะสามารถดันให้เพื่อนเคลื่อนตัวไปได้ง่ายมาก
 
  การออกไม้ตี (Swing)
 
          Batter ทุกคนต้องคิดว่าตัวเราเหมือนยางลบแท่งหนึ่ง เมื่อเตรียมพร้อมจะตี ก็เหมือนบิดยางลบไปข้างหลังให้สุด (back swing) ในจังหวะที่ (swing) ออกไม้ก็คือการปล่อยให้ยางลบดีดตัวคืนกลับมาในสภาพเดิม เปรียบได้กับร่างกายของคนเรา กล้ามเนื้อก็เหมือนแท่งยางลบ จะออกแรงได้ดีก็ต้องบิดไปข้างหลังให้สุดแล้วกลับคืนสภาพไปข้างหน้า เป็นธรรมชาติของการเคลื่อนไหว
 
 
โดยทั่วไป  การตี  แบ่งออกเป็น  4  จังหวะ
1. Back swing / take back
2. Forward swing
3. Impact
4. Follow through
 
1.  จังหวะ take  back หรือ back swing ให้น้ำหนักลงที่ขา  เหมือนเป็นแกนหมุนเงื้อไม้ไปด้านหลังเล็กน้อย บิดข้อมือให้แน่น  จะเป็นการสะสมกำลังเหมือนการง้างคันธนู
   
2.  จังหวะการออกไม้  หลายคนอาจคิดว่าเริ่มที่แขนและมือทำการดึงไม้ออกมาตีบอล  แต่จริงๆ  แล้วต้องเริ่มจากส่วนล่างก่อน  คือ  สเต็ปเท้าหน้าเล็กน้อย  พอเท้าแตะพื้นให้ทำการบิดสะโพก  ออกแรงที่ส่วนล่างของลำตัวอย่างแรงและเร็ว ส่วนบนคือลำตัวและแขนตามติดต่มอมาแบบอัตโนมัติเหมือนแท่งยางลบดีดตัวกลับคืน สภาพเดิม
   
3.  จุดที่ไม้กระทบลูก (Impact) เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในการตี   ถ้าทำได้สมบูรณ์แบบ  จะทำ Home Run  ได้แน่นอน  การตีให้เกิดจุดกระทบอย่างสมบูรณ์แบบมีองค์ประกอบ  3  อย่าง  ซึ่งต้องทำให้พร้อมกันในจังหวะที่ไม้กระทบลูกคือ
 
3.1 แรงเหวี่ยงจากลำตัวส่วนล่างและส่วนบนทำให้เกิดแรงหนีศูนย์กลางถ่ายไปยังแขนและไม้
3.2 ลักษณะคานดีด-คานงัด  ของแขนและไม้โดยมีข้อมือเป็นจุดหมุนทำให้แขนและไม้เป็นเส้นตรงเดียวกัน  ลักษณะนี้  คานจะยาวขึ้นมีผลให้มีพลังในการดีด-ส่งมากขึ้น
3.3 การบิดคืนตัวของกล้ามเนื้อเพื่อส่งถ่ายกำลังมาจบลงที่จังหวะไม้กระทบลูกพอดี
   
4.  เมื่อไม้กระทบลูกแล้วต้องออกแรงยก บอลดันไม้ต่อไปจนเลยไปด้านหลังให้ครบวง (follow through) โดยใบหน้าจะอยู่ที่เดิมไม่หมุนไปตามการเคลื่อนไหวของไหล่และแขน  สายตาจับอยู่ที่ลูกบอลตลอดเวลา
   
 
  การหาจังหวะในการตี (Timing)
 
          Pitcher  แต่ละคนมีท่าทางในการขว้างบอลไม่เหมือนกัน ช้า-เร็ว ต่างกัน แต่ในจังหวะย่อตัวเพื่อถ่ายน้ำหนักช่วยในการขว้าง ตรงนี้ Pitcher ทุกคนจะต้องทำเหมือนกัน และใช้เวลาใกล้เคียงกันมาก แทบไม่แตกต่างกันจุดนี้เป็นจุดสำคัญที่ ผู้ตีต้องสังเกต จับให้ได้เพราะเป็นเคล็ดสำคัญของการหาจังหวะในการตี เมื่อจับจังหวะนี้ได้แล้ว ให้ผู้ตีทำการ take back ในจังหวะเดียวกัน จังหวะในการตีของผู้ตีจะมีความแน่นอนมากขึ้น
 
 
 
 
 
  การตีลูก ลักษณะต่างๆ
 
          ลูกที่ขว้างมาจาก Pitcher จนเข้าเขต Strike Zone อาจจะมาได้หลายลักษณะและหลายจุด เราสามารถประมาณตำแหน่งได้อย่างน้อยมีอยู่ 9 จุด ตามรูป ตรงกลางเป็นจุดที่สามารถตีได้ง่ายที่สุด แต่ Pitcher ที่ดีก็ไม่ยอมขว้างมาให้ตีได้ง่ายๆ แน่นอน เราจึงต้องฝึกตีลูกในมุมยากอื่นๆ ด้วย คือลูกวงใน (In-course) และลูกวงนอก (Out-course)
 
ลูกวงนอก (Out-course)  มี  2  แบบ คือ  นอกสูงและนอกต่ำ  จุดตี
ของวงนอกสูงจะอยู่ใกล้ตัวกว่าวงนอกต่ำ
   
ลูกวงใน (In-course)  มี 2 แบบ  คือในสูง และในต่ำ  จุดตีของลูกวงในนี้ 
จะอยู่หน้าโฮมเพลท  ไกลตัวออกไปเล็กน้อย    และจุดตีของลูกในสูง จะอยู่ไกลกว่าลูกในต่ำ
   
 

 
วิธีตี Out-course สูง
 
เหมือนกับการตีปกติคื่อเริ่มจังหวะ  take-back  ให้พร้อมกับ Pitcher  เมื่อเห็นลูกมามุมนอกสูง  จึงเริ่ม
  - สเต็ปเท้าเข้าหาโฮมเพลทเล็กน้อย
  - ออกไม้ให้ขนานกับพื้นไม่ต้องเฉียงลง
  - พยายามตีออกไปทาง Right field
  - ระวังไม่เอื้อมหรือโยกตัวออกไปตี (ตีให้อยู่ในท่าตีปกติ)
 

 
วิธีตี Out-course ต่ำ
 
เหมือนกับการตีปกติคือเริ่มจังหวะ take-back ให้พร้อมกับ Pitcher เมื่อเห็นลูกมามุมนอกต่ำ จึงเริ่ม
  - สเต็ปเท้าเข้าหาโฮมเพลทเล็กน้อย
  - ย่อขาลงให้มากกกว่าปกติ
  - ออกไม้ให้หัวไม้เฉียงลง
  - พยายามตีดันออกไปให้สูงเลยศรีษะ  ผู้เล่นบ้านหนึ่ง เล็กน้อย
  - ระวังไม่เอื้อมหรือโยกตัวออกไปตี (ตีให้อยู่ในท่าตีปกติ)
 

 
วิธีตี In-course สูง
 
เหมือนกับการตีปกติคือเริ่มจังหวะ take-back ให้พร้อมกับ Pitcher เมื่อเห็นลูกมามุมในสูง จึงเริ่ม
  - บิดสะโพก-เอวให้เร็วกว่าปกติ
  - ออกไม้ให้ขนานพื้นิ
  - ระวังอย่างอหรือพับแขนขณะตี
 
 
 

 
วิธีตี In-course ต่ำ
 
เหมือนกับการตีปกติคือเริ่มจังหวะ take-back ให้พร้อมกับ Pitcher เมื่อเห็นลูกมาในมุมต่ำ จึงเริ่ม
  - บิดสะโพก-เอวให้เร็วกว่าปกติ
  - ย่อเข่าลงให้มากกว่าปกติ
  - ออกไม้ให้ขนานพื้น
  - ระวังอย่างอหรือพับแขนขณะตี
 
          ในการตีลูกทั้ง In-course และ Out-course นั้นต้องตีให้แรงและตรงที่สุด  พยายามตีให้ลูกอยู่ในสนาม ไม่ออกไปในเขต ฟาว์บอล (Foulball) การตีทุกลูกไม่ว่าจะเป็นลูกอะไร  จะต้องให้สายตาอยู่ที่ลูกบอลตลอดเวลา
 
 

 
แบบฝึกการตี
 
จับคู่ขว้างให้ตี
* จับคู่ห่างกันประมาณ 10 เมตร
ผลัดกันขว้างเบาๆ ให้ตี
- ฝึกสายตาการมองลูก  จากมือคนขว้างจนถึงจุดที่ลูกกระทบไม้ (จุดตี)
- พยายามให้ “จุดตี” อยู่ที่ตำแหน่งเดิมทุกครั้ง
- ตีให้ลูกกระทบพื้นหนึ่งครั้ง คืนให้กับคนขว้าง
 
ตีลูกโยน (Toss Batting)
 
          การตีลูกโยนสำคัญที่คนโยนต้องโยนลูกให้ได้เวลาประมาณเท่าๆ  กับการขว้างลูกของ Pitcher ถึงหน้า โฮมเพลท (จุดตี) ดังตัวอย่างในตารางในหน้า 66  ถ้า Pitcher ขว้างได้ 100 km/hr ลูกจะถึงจุดตีใช้เวลาประมาณ 1.37 วินาที ผู้โยนควรโยนลูกให้ได้เวลาเท่าๆ กัน  ในการตีลูกโยนอาจทำได้  2  แบบคือ ตีใส่ตาข่าย หรือตีออกไปไกลๆ  ในสนามก็ได้
          ในการฝึกตีลูกโยนผู้โยนควรให้จังหวะด้วยการออกเสียงพร้อมกับย่อตัว  เสมือนกับการย่อเตรียมขว้างของ Pitcher คนตีก็จะย่อเตรียมตีในจังหวะเดียวกัน  เป็นการฝึกสร้างจังหวะ ( Timing) ในการตีให้สัมพันธ์กับการขว้างของ Pitcher
 
 

 
การตีโดยใช้แท่นวางบอล ( Tee-Batting)
 
- เพื่อเป็นการหาจุดตีของตัวเอง  และฝึกประจำให้มีความคุ้นเคยกับจุดตีของแต่ละคน
- การที่ลูกอยู่ที่เดิมตลอดเวลาจะช่วยในการปรับ แก้ไข ท่าทางการตีให้ถูกต้องได้ง่ายและมีความแน่นอนมากขึ้น
   
   
"การฝึก Tee-Batting หลาย คนอาจจะไม่ชอบฝึกเพราะเหมือนมือใหม่หรือเหมือนกับการฝึกของเด็กๆ แต่ความจริงเป็นการให้ประโยชน์กับผู้ฝึกอย่างมากโดยใช้เวลาน้อย  ช่วยให้มีจุดตีแน่นอน  และการเคลื่อนไหวของร่างกายในการตี  แน่นอนมั่นคง  ผู้เล่นหลายคนที่เวลาแข่งขันตีได้ไม่ดี  ควรฝึกด้วยวิธีนี้จะช่วยให้พัฒนาการการตีดีขึ้นได้"
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น