วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2555

วิธีการวิ่ง

วิธีการวิ่ง
 
 
ถ้าตี Ground Ball  วิ่งตรงเหยียบเบส แล้วเลี้ยวขวา วิ่งเหยียบเบส  โดยไม่ต้อง Sliding
 
ถ้าตี Fly Ball หรือ Hit วิ่งเลี้ยวตีโค้งก่อน  เหยียบเบส 1 เพื่อวิ่งไปเบส 2
 
ถ้าตีแล้ว Out Field รับหลุดหรือรับไม่ได้วิ่งต่อถึงเบสที่ 2 ถ้า Out Field รับได้วิ่งกลับเบสที่ 1 โดยตาต้องมองลูกตลอดเวลา
 
 
 
 
 
 
 
  One Out หรือ No Out
 
          การออกจากเบสของผู้วิ่ง  Runner การออกจากเบสครั้งแรก  ควรอยู่ในตำแหน่งปลอดภัย ( Safety Lead ) เมื่อ Pitcher ยกขาที่จะขว้างลูก  ให้เคลื่อนที่ต่อไปอีก 2-3 ก้าว (ลีด 2) แล้วดูลูกจนถึง Catcher ถ้ารับได้ให้รีบกลับ  แต่ถ้ารับไม่ได้ให้วิ่งไปเบสที่ 3 และหาก Batter ตีลูกเป็น Grownd Ball ออกทางเบสที่ 1 และเบสที่ 2 ให้วิ่งไปเบสที่ 3
 
          การออกจากเบสของผู้วิ่ง  Runner ต้องลีดออกเป็นเส้นโค้ง ระหว่างเบสที่ 2 และเบสที่ 3 ในตำแหน่งปลอดภัย ( Safety Lead ) เมื่อ Pitcher ยกขาที่จะขว้างลูกให้ลีด 2  แล้ว  ดูลูกจนถึง Catcher ถ้ารับได้ให้รีบกลับ  แต่ถ้ารับไม่ได้ให้วิ่งไปที่เบสที่ 3  และถ้า Batter ตีต้องวิ่งทุกลูกและต้องวิ่งจนถึงโฮม  โดยเฉพาะเมื่อผู้วิ่ง (Runner) อยู่ที่เบสที่ 2 ถือว่าเป็นตำแหน่ง  ที่ต้องได้คะแนน ( Scoring Position )
 
 
 
  ขโมย
 
          เมื่อได้รับสัญญาณ (Sign) จากโค้ชให้ขโมย Runner จะลีดเหมือนปกติ  ทำตัวให้สบายๆ  อย่าเกร็งหรือทำให้ Pitcher รู้ว่าจะขโมยเบสสายตาให้มองที่ Pitcher ให้แน่ใจว่า Pitcher จะขว้างลูกไปที่ Catcher แล้วจึงวิ่งไปที่เบสที่ 2 ไม่ต้องมองลูกที่ Pitcher ขว้างไป
 
 
 
  ลีดธรรมดา
 
          การออกจากเบสให้ก้าวขาซ้ายอ้อมไปข้างหลังขาขวา  ไม่ควรก้าวขาซ้ายอ้อมไปหน้าขาขวา  เพราะจะทำให้วิ่งกลับได้ช้า  ให้ก้าวออกไป 3-4 เมตร ให้น้ำหนักตัวอยู่ที่ขาขวา  เพื่อถ้า Pitcher เช็คมาที่ B1 Runner จะพุ่งกลับ B1 ได้ทัน เมื่อ Pitcher ขว้างลูกไปที่ Catcher ให้ Runner วิ่งไป 4-5 ก้าว แต่สายตาให้มองลูกที่ Pitcher ขว้างไป  ถ้า Catcher รับลูกได้ให้ Runner วิ่งกลับมาที่ B1 แต่ถ้า Catcher รับลูกไม่ได้ให้ Runner วิ่งไปที่ B2
 
 
  วิธีการสไลด์
 
          Runner วิ่งมาเต็มที่ประมาณ 3 เมตร ก่อนที่จะถึงเบสบอลให้พับขาซ้ายเข้าด้านใน พร้อมยกขาขวาขึ้น โดยส่วนของขาซ้ายที่สัมผัสพื้นพ้นจะใช้บริเวณพับนอก ส่วนเท้าขวายกให้เหนือพื้น พอมาถึงเบสให้เอาเท้าขวายันเบส พร้อมกับลุกขึ้นยืนและมองลูก ถ้ารับลูกไม่ได้ให้วิ่งต่อ
 
 
          Runner วิ่งมาเต็มที่ และก่อนที่จะสไลด์ให้มองที่ผู้เล่น infield ซึ่งรอรับลูกอยู่ที่เบส ถ้าเขารับลูกทางด้านซ้ายของ Runner ให้ Runner ล้มตัวหนีการทัชไปทางขวา แต่ถ้า infield รับลูกทางด้านขวาให้ Runner ล้มตัวหนีการทัชไปทางซ้าย
 
 
 
  การพุ่งสไลด์
 
          Runner วิ่งมาเต็มที่ประมาณ 4 เมตร  ก่อนที่จะถึงเบสให้ล้มและพุ่งตัวไปหาเบส
 
 
 
  ทัชอัพ
 
          ในกรณี No Out หรือ One Out และลูก Fly Ball ไปที่ Out Field ให้ Runner ยืนใช้เท้าแตะไว้ที่เบสพร้อมที่จะวิ่ง  ตาให้มองที่ลูก  เมื่อลูกสัมผัสโกรฟของฝ่ายรับ ให้ Runner วิ่งออกจากเบสในกรณีที่ Runner ไม่แตะเบสและออกวิ่งก่อนที่ลูกบอลจะสัมผัสโกรฟ (Glove) ถือว่า Runner Out
 
 
 
  ลักษณะการยืนของโค้ชเบส 3
 
          เพราะโค้ชเบส 3  ถือว่าสำคัญมากกว่าโค้ชเบส 1 ถ้าโค้ชเบส 3 ตัดสินใจถูกจะเป็นผลดีกับทีมมากเพราะโค้ชช่วยผู้วิ่ง Runner ในการตัดสินใจในการวิ่งและการเข้าเบส  ผู้วิ่ง Runner ต้องเชื่อฟังคำสั่งโค้ช
 
 
ลักษณะและการแสดงท่าทางของโค้ช เพื่อให้ผู้วิ่ง Runner เล่นต่อไปจนกว่าโค้ชจะสั่งให้หยุด
 
 
เมื่อผู้วิ่ง Runner  จาก B1 ถึง ครึ่งเบส ต้องมองดูโค้ช B3 ว่าจะให้ไปต่อหรือหยุดดั่งภาพ 2
ลักษณะการบอกผู้วิ่ง Runner ให้หยุดอยู่ที่ B2 เท่านั้น
 
 
เมื่อผู้วิ่ง Runner มาถึง B3  ให้ดูโค้ชทำในลักษณะดังรูป ให้หยุดโดยไม่ต้องลง Sliding  
 
 
ลักษณะการบอกให้ผู้วิ่ง Runner ลง Sliding ในแนวตรงโดยไม่ต้องไปต่อ
 
 
ลักษณะการบอกให้ผู้วิ่ง Runner ลง Sliding ในลักษณะหนีการทำให้ Out มีอยู่ 2  อย่างให้ไปทางซ้ายหรือขวา
 
 
ในสนามหรือบนเบสไม่มี ผู้วิ่ง Runner โค้ชต้องยืนเข้ามาใกล้โฮมเพลทมากที่สุด  เพื่อช่วย Batter ในการตัดสินใจว่าจะตีลูกไหน  จะทำให้ตีได้ดีมากขึ้น 
 
 
ในสนามหรือบนเบสมีผู้ วิ่ง Runner อยู่ที่ B2 โค้ชเบส 1 ต้องช่วยดูผู้เล่นของอีกทีม  (ทีมรับ) หรือตำแหน่ง SS ว่าเข้ามาหรือเปล่า  ส่วนโค้ชเบส 3  บอกให้วิ่งหรือกลับเข้าเบสเพราะผู้วิ่งในตำแหน่งสำคัญถือว่าเป็น
ตำแหน่งที่จะได้คะแนน Scoring Position นั้นเอง
 
 
ในสนามหรือบน B1 , B2 มีผู้วิ่งอยู่โค้ช B1 ต้องดูผู้เล่นในตำแหน่ง First SS ในทีมรับว่า
เข้าเบสหรือไม่แล้วบอกกันหรือ ลีด 2 โค้ชเบส 3 ช่วยอีกที

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น