CATCHER |
|
ในการแข่งขันผู้ชมจะให้ความสนใจกับผู้เล่น พิชเชอร์ เป็นพิเศษ
แต่ผู้ที่มีความสำคัญมากกว่านั้นก็คือ แคชเชอร์
ซึ่งเปรียบเสมือนมันสมองของทีมเลยทีเดียว ทีมที่มีแคชเชอร์ ฉลาดมากๆ
ก็จะเป็นทีมที่ดีมากๆ ด้วย เพราะแคชเชอร์
เป็นผู้เล่นคนเดียวที่หันหน้าเข้าไปในสนาม เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด
จึงสามารถอ่านเกมล่วงหน้าและคิดวางแผนการเล่นในแต่ละครั้งได้เป็นอย่างดี |
|
นอกจากความฉลาดในการอ่านเกม
และแผนการเล่นแล้ว แคชเชอร์ยังต้องเป็นผู้เล่นที่แข็งแรงมีความแข็งแกร่ง
มีพลัง
ต้องเจอสภาพที่กดดันปะทะกับผู้เล่นฝ่ายรุกที่พยายามเข้าทำคะแนนบ่อยครั้ง
ความแข็งแรงของแคชเชอร์จึงหมายถึงความทนทานที่ไม่บาดเจ็บได้ง่ายๆ อีกด้วย |
|
ฉะนั้นผู้เล่น แคชเชอร์
จึงควรมีรูปร่าง ใหญ่ หนา พอสมควร และมีความเร็ว ว่องไว
มีหัวไหล่ที่แข็งแรง คือสามารถขว้างลูกได้คมมากโดยเฉพาะในระยะจาก
โฮมถึงเบสที่ 2 จะทำให้รันเนอร์มีความไม่มั่นใจที่จะขโมยเบส |
|
|
วิธีนั่งและการส่งสัญญาณ |
|
เวลาที่ไม่มีรันเนอร์บนเบส แคชเชอร์ จะต้องเตรียมพร้อมที่จะรับลูกจาก
การขว้างของพิชเชอร์
จึงมักจะนั่งเขย่งเล็กน้อยโดยให้น้ำหนักตกที่ปลายเท้า 2-3 จุด
คืออาจจะนั่งเต็มเท้าข้างหนึ่งแต่อีกข้างหนึ่งจะเขย่งเล็กน้อยให้น้ำหนักตก
ที่จุดเดียว
หรืออาจจะเขย่งทั้งสองเท้าน้ำหนักจะตกเฉพาะที่ปลายเท้าทั้งสองข้าง |
|
 |
|
|
|
|
เวลาที่มีรันเนอร์ แคชเชอร์ จะนั่งให้ น้ำหนักตก สองจุด
คือที่ปลายเท้าเท่านั้น
และยกตัวขึ้นเล็กน้อยเพื่อความรวดเร็วในการขว้างบอล |
|
 |
|
|
|
|
มือขวาของ
แคชเชอร์ (ถนัดขวา) จะกำหลวมๆ อยู่ข้างน่องหรืออยู่หลังมิทท์ (Mitt)
ของแคชเชอร์ก็ได้เพื่อป้องกันการบาดเจ็บจากลูกแฉลบจากไม้
ในกรณีที่มีรันเนอร์ควรจะวางมือไว้หลังมิทท์แคชเชอร์
เพราะจะช่วยให้เอาลูกออกมาขว้างได้เร็วขึ้น |
|
 |
|
|
|
|
แคชเชอร์ ควรจะเปิดมิทท์ให้กว้างที่สุด และยกตั้งฉากกับพื้นเพื่อช่วยให้ พิชเชอร์เห็นเป้าหมายได้ชัดเจน |
|
 |
|
|
|
|
 |
|
การส่งสัญญาณให้พิช
เชอร์ ควรนั้งให้หัวเข่าทำมุมระหว่างเบสที่ 2
กับตำแหน่งช๊อตสต๊อปของฝ่ายตรงข้าม กางมิทท์ออกวางไว้ที่หัวเข่า
เพื่อบังสายตาจากผู้ตีและโค้ช |
|
|
|
 |
|
มือที่ส่งสัญญาณควรวางให้ชิดเป้ากางเกงที่สุดและไม่วางต่ำมากเพราะคู่ต่อสู้อาจมองลอดพื้นมาเห็นได้ |
|
Wild Pitch : |
ลูกที่พิชเชอร์ขว้างมาบางครั้ง สูงเกินไป ห่างเกินไป แคชเชอร์ไม่สามารถรับได้หรือ
บางครั้งลูกตกพื้นก่อนแล้วกระดอนออกไปเป็นความผิดพลาดของพิชเชอร์ |
Pass Ball : |
คือลูกที่พิชเชอร์ขว้างมาดีรับได้ง่าย แต่หลุดเลยไปข้างหลังเป็นความผิดพลาดของ Catcher |
|
|
แต่ในการแข่งขันดูเหมือนว่า Wild
Pitch หรือ Pass Ball จะอยู่ในความรับผิดชอบของ Catcher ทั้งหมดถ้า
Catcher เก่งมารับลูกได้ไม่ว่าจะเป็น Wild Pitch หรือ Pass Ball
พิชเชอร์จะมีความมั่นใจว่าขว้างอย่างไรก็ไม่หลุดไปข้างหลัง ถ้า Catcher
รับไม่ได้ พิชเชอร์จะลำบากใจ ไม่กล้าขว้างลูกโดยเฉพาะลูกยากๆ เพราะกลัวว่า
Catcher จะรับไม่ได้ |
|
|
|
วิธี Block ลูกของ Catcher |
- |
จากท่านั่งปกติ ให้คุกเข่าลงกับพื้น |
- |
วาง Mitt ไว้ที่หว่างขา ให้ Mitt ติดพื้น |
- |
โน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย |
- |
สายตามองที่ลูกบอลตลอดเวลา
ถ้าลูกตกด้านข้างให้เคลื่อนไหวตัวไปด้านข้าง
แล้วคุกเข่ารับลูกเหมือนท่าปกติ ให้แนวลูกอยู่กลางลำตัวเสมอ |
|
|
|
 |
|
|
|
|
"THROW" การขว้างของ Catcher |
|
Catcher
ที่ดีจะต้องมีหัวไหล่ที่ดี แข็งแรง
และมีการเคลื่อนไหวในการขว้างเร็วมาก เพราะต้องมีการขว้างจากโฮมเพลท (
Home Plate ) ไป B2 บ่อยๆ ถ้าทำ out ได้ รันเนอร์จะกลัวไม่กล้าวิ่ง
และคนดูจะมีความประทับใจในตัว Catcher มาก |
|
 |
- |
จากท่านั่งแบบมี Runner คือ เขย่งตัวรอไว้ |
- |
เมื่อรับลูกจากพิชเชอร์แล้ว |
- |
ดึงมือทั้งสองข้างไปด้านหลัง ให้พร้อมกัน |
- |
ลุกขึ้น เท้ายืนใกล้จุดเดิมเป็นการรวมน้ำหนัก และอยู่ในจังหวะเงื้อ (T-position) เตรียมขว้างบอลศอกอยู่สูงกว่าหัวไหล่ เล็กน้อย |
- |
หัวไหล่หันตรงกับเบส 2 บิดเงื้อเตรียมขว้างบอล |
- |
แล้วถ่ายน้ำหนักไปข้างหน้า ขว้างลูกให้แรงเต็มที่ |
|
|
|
|
FIELDING ของ CATCHER |
|
บางครั้งลูกที่ดีหรือ Bunt
อยู่ในเขตรับผิดชอบของ Catcher, Catcher ต้องออกตัวให้เร็วๆ
วิ่งไปรับลูกบอล เวลาเก็บบอลให้ทำเหมือนใช้มือกวาดขยะใส่ Mitt
แล้วเคลื่อนที่สเต็ปต่อไปยังเป้าหมาย เพื่อขว้างบอล
ตลอดเวลารักษาระดับให้ตัวต่ำอยู่เสมอ |
|
 |
|
ในกรณีที่ลูกตกกลิ้งอยู่ใกล้
เมื่อเก็บลูกได้แล้วให้สเต็ปถอยออกห่างจากเส้นเสียก่อน
แล้วจึงขว้างเพื่อป้องกันไม่ให้ลูกโดนตัว Runner |
|
 |
|
|
กรณี Flyball |
|
ส่วนลูกที่ถูกตี Flyball บริเวณ Catcher Box ลูกจะหมุนกลับมา Catcher ควรจะหันหลังให้ Mound แล้วรับ 2 มือ |
|
 |
|
Block |
|
Catcher จะขวางไม่ให้ Runner เข้า Home ได้ ก็ต่อเมื่อมีบอลอยู่ในมือ ถ้าไม่มีบอลไม่มีสิทธิขวางทางวิ่งของ Runner
จุดนี้จะมีการปะทะกันรุนแรงมาก เพราะ
Runner จะพยายามวิ่งอย่างเร็ว เพื่อเข้าทำคะแนนและ Catcher
จะต้องพยายามรับบอลมาแตะตัว Runner ให้ได้
ซึ่งบางครั้งต้องใช้ทั้งตัวเข้าช่วยขวางไว้ไม่ให้ Runner เข้า Home ได้ |
|
 |
|
ที่สำคัญต้องไม่ให้ลูกบอลตกออกจากมือหรือ Mitt และต้องพยายามรักษาตัวเองไม่ให้เกิดบาดเจ็บด้วย |
|
|
|
BACK UP |
|
เวลาไม่มี Runner บนเบส เมื่อลูกถูกตีออกไป Catcher ต้องไปช่วย Back up หลัง B1 เสมอเพื่อป้องกันลูกหลุด |
|
|
|
TIPS |
|
|
|
|
ในการแข่งขัน Catcher
นั่งอยู่ติดกรรมการที่สุดจึงต้องให้เกียรติกรรมการ
และไม่พยายามทะเลาะกับกรรมการ โดยเฉพาะที่มีความเห็นขัดกันในเรื่อง
Ball,Strike,Out หรือ Save ยิ่งมีปัญหากับกรรมการ ยิ่งทำให้ทีมมีปัญหา
Catcher ต้องมีความเข้าใจ และรู้จัก Pitcher ของตัวเองว่าถนัดอย่างไร
ขว้างลูกแบบไหนดีที่สุดและยังต้องพยายามสังเกต Batter
ของคู่ต่อสู้ว่ามีจุดอ่อนที่ไหน คือ ตีดีจุดไหน ตีไม่ดีจุดไหน
ถ้าเลือกลูกไม่ดีทำให้ Batter ตีได้เป็นความรับผิดชอบของ Catcher
ที่วางแผนเลือกลูกไม่ดี
|
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น