PITCHER พิชเชอร์ |
|
|
ผู้เล่นในตำแหน่งพิชเชอร์มีความสำคัญต่อเกมการแข่งขันมากไม่ใช่แค่เพราะเกม
จะเริ่มจากบอลที่ถูกพิชเชอร์ขว้างมาเท่านั้น แต่เกิดจากการสร้างสรรค์เกม
แผนการเล่นในการป้องกันการตีของคู่ต่อสู้ซึ่งเริ่มมาจาก |
|
|
การขว้างบอลของพิชเชอร์ |
|
ไม่ว่าผลการแข่งขันจะเป็นอย่างไร ทีมใดมีพิชเชอร์ที่ดี
เกมส์การแข่งขันของทีมก็มักจะดีด้วย
ในอดีตผู้เล่นระดับอาชีพยอมรับว่าพิชเชอร์มีผลต่อการแข่งขันมากถึง 70%
แต่ในปัจจุบันกลับมีผลมากยิ่งขึ้นถึง 80%
เป็นการตอกย้ำให้เห็นความสำคัญของพิชเชอร์ได้อย่างชัดเจนในการแข่งขัน
กล้ามเนื้อให้ทำงานหนักเป็นระยะเวลานานจะเกิดบาดเจ็บได้ง่าย
และในหนึ่งฤดูกาลแข่งขัน ก็ต้องเล่นมากกว่าหนึ่งเกมแน่นอน
ในระยะยาวการใช้หรือมีพิชเชอร์คนเดียวคงไม่เป็นเรื่องดี |
|
ปัจจุบันการแข่งขัน
ใช้ความคิด มีกลยุทธ์ พลิกแพลงในการเล่นมากมาย
และผู้ตีก็มีพัฒนาการก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วทีมจึงมีความต้องการพิชเชอร์ที่
มีความเหมาะสมกับการเล่นที่แตกต่างกัน
ในการแข่งขันเราจึงแบ่งพิชเชอร์ออกเป็น 3 ประเภทคือ |
|
|
Starter : คือพิชเชอร์ที่ทำหน้าที่เป็นคนแรก |
|
|
|
Relive : คือพิชเชอร์ที่เข้าเปลี่ยนเป็นคนต่อมา
|
|
|
|
Closer : คือพิชเชอร์ที่ทำหน้าที่เป็นคนสุดท้าย |
|
|
|
จากความสำคัญของภาระหน้าที่ที่หนักกว่าคนอื่นๆ ในทีม
ทั้งทางร่างกายและจิตใจ
ผู้เล่นตำแหน่งพิชเชอร์จึงต้องฝึกฝนอย่างหนักมีวินัยเคร่งครัดต่อตัว
เองอย่างมาก
พิชเชอร์ต้องมีร่างกายแข็งแกร่งโดยเฉพาะส่วนล่างของลำตัวมีความสำคัญต่อการ
ขว้างลูกมาก การฝึกฝนของพิชเชอร์จึงแตกต่างไปจากคนอื่นๆ บ้าง |
|
ข้อแนะนำ |
|
หลังจากผ่านการอบอุ่นร่างกายแล้ว พิชเชอร์ต้องวิ่งเร็วระยะประมาณ 70-80 เมตร
วันละ 10-15 เที่ยว เป็นอย่างน้อย และอาจลดลงในวันก่อนการแข่งขัน
ตัวอย่างการฝึกซ้อมของพิชเชอร์
เพื่อสร้างเสริมกล้ามเนื้อส่วนล่างให้มีความยืดหยุ่น และแข็งแรง (
ปฏิบัติทุกเช้า เริ่มเวลา 05.30-07.00 ) |
|
|
วิ่ง 15 นาที |
|
ยืด ( Stressching) |
|
วิ่งเร็ว 80 เมตร 15-20 เที่ยว |
|
กล้ามท้อง หลังและลำตัว |
|
- |
Sit-up 30 x 2 |
- |
Back up 30 x 2 |
- |
Russian twist 30 x 2 |
- |
Push up 30 x 2 |
|
|
|
|
ฝึกดึงยาง ( Tube Training ) |
|
กระโดดข้าม / ลอด ยาง 2
เส้น ให้ยางสูงจากพื้นประมาณ 1 เมตร
พิชเชอร์เข้าไปอยู่ตรงกลางกระโดดข้ามออกมา
แล้วลอดกลับเข้าไปกระโดดออกอีกด้านหนึ่ง
แล้วลอดกลับเข้ามานับหนึ่งเที่ยวทำทั้งหมด 10 เที่ยวติดต่อกัน |
|
ยืนแยกเท้าให้กว้างกว่าไหล่ เพื่อนโยนลูกให้รับทั้ง ซ้าย ขวา รวมกัน 20 ครั้ง |
|
|
|
|
|
|
|
ปัจจัย 4 ของพิชเชอร์ ( 4C’s) |
|
1. Control ( การควบคุม) |
|
พิชเชอร์นอกจากสามารถควบคุมลูกที่ขว้างออกไป
แล้วยังต้องมีความสามารถควบคุมตัวเองได้ดีอีกด้วย ในการควบคุมลูก
หรือการฝึกฝนให้ขว้างลูกต่างๆ ได้อย่างแม่นยำเป็นหน้าที่
และเป็นสิ่งที่พิชเชอร์ทุกคนคร่ำเคร่งฝึกฝนอย่างหนักกันอยู่แล้ว
แต่การที่จะทำให้ลูกต่างๆ ที่พิชเชอร์ฝีกฝนมามีประสิทธิภาพสูงสุดพิชเชอร์
จำต้องมีความสามารถในการควบคุมตัวเองที่ดีด้วย
ยิ่งในการแข่งขันที่มีความกดดันมาก พิชเชอร์ยิ่งต้องควบคุมตัวเองให้มีความ
“นิ่ง” มากยิ่งขึ้น ไม่ตื่นเต้นเกินไป หรือไม่เสียใจเกินไป
การควบคุมตัวเองได้ดีก็จะทำให้ทำหน้าที่ได้ดี
ซึ่งส่งผลให้ทำการแข่งขันได้ดีด้วย |
|
|
2. Confidence ( ความเชื่อมั่น ) |
|
ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดๆ
ต้องมีความมั่นใจ เชื่อมั่น และรักษาความมั่นใจไว้ได้ตลอดเวลาไม่ว่า
จะคับขันเข้าตาจนอย่างไรก็ยังรักษาความเชื่อมั่นไว้ได้
ความเชื่อมั่นนี้หมายรวมไปถึงความไว้ใจในเพื่อนร่วมทีมด้วย
ความมั่นใจจะเกิดขึ้นได้จากการฝึกซ้อมจนมีความชำนาญ
จนมั่นใจว่าเมื่อลงแข่งขันแล้วก็จะทำได้เหมือนกับตอนฝึกซ้อม
ฉะนั้นพิชเชอร์จึงต้องทุ่มเทให้กับการฝึกฝนอย่างจริงจัง
และฝึกทุกอย่างที่อาจเกิดในระหว่างการแข่งขัน
เพื่อความมั่นใจว่าสิ่งที่ทำได้ในระหว่างฝึกซ้อมก็ย่อมทำได้ในระหว่างแข่ง
ขันด้วย |
|
|
3. Consistency ( ความสม่ำเสมอ ) |
|
พิชเชอร์จะต้อง “นิ่ง” มีความมั่นคงในจิตใจ ทั้งในการฝึกซ้อมและการแข่งขันการใช้ความคิดควบคุม
ตัวเองให้มีจิตใจต่อสู้อยู่ตลอดเวลา แม้บางจังหวะจะมีการผิดพลาดไปบ้างก็ไม่เสียใน จมอยู่กับความผิดพลาดนั้น
ไม่ลนลาน เมื่อเป็นฝ่ายได้เปรียบก็ไม่ดีใจ จนกลายเป็นความประมาท พิชเชอร์จึงต้องสร้างความ “สม่ำเสมอ
ในเรื่องกำลังใจความคิด และจิตใจที่จะพยายามต่อสู้เพื่อเอาชนะอยู่ตลอดเวลา |
|
|
4. Concentrate (สมาธิ) |
|
จิตใจและสมาธิของพิชเชอร์จะต้องอยู่กับเกมการแข่งขัน การขว้างลูกของตัวเอง
การเผชิญหน้ากับผู้ตี
โดยเฉพาะ เมื่ออยู่บนพิชเชอร์เพลทแล้ว จะไม่วอกแวกไปกับเสียงต่างๆ
ที่อยู่รอบตัว พิชเชอร์ควรจะมีสมาธิอยู่กับการเล่น การขว้างลูก
จนดูเหมือนว่าทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวเสมือนเป็นเพียงความว่างเปล่า
ไม่มีเสียง ไม่มีสี ไม่รู้สึก แม้กระทั่งความร้อนของอากาศที่รอบตัว
คือต้อง “นิ่ง” ใจจดจ่ออยู่กับการคิด ควบคุมลูก การขว้างบอล นั่นคือ
“สมาธิ” ที่พิชเชอร์ที่ดีจำเป็นต้องมีและเรียกใช้ได้ตลอดเวลา |
|
|
|
|
 |
ลักษณะการขว้างลูกของพิชเชอร์มี 4 แบบ คือ |
1. |
Overhead throw |
การขว้างลูกแบบเหนือไหล่ |
2. |
Three quarter throw |
การขว้างแบบเหนือไหล่เศษสามส่วนสี่ |
3. |
Side-arm throw |
การขว้างแบบด้านขว้างลำตัว |
4. |
Underhand throw |
การขว้างแบบต่ำกว่าไหล่ |
|
|
|
|
|
ในการแข่งขันพิชเชอร์สามารถทำการขว้างลูกได้ 2 วิธี คือ แบบ Wind up position ( ไวด์ อัฟ โพซิชั่น ) เป็นท่าพื้นฐานของ พิชเชอร์ และแบบ Set position ( เซท โพซิชั่น )
การขว้างแบบ Wind – up position
เป็นท่าขว้างที่ให้ประสิทธิภาพมากที่สุด แต่เมื่อมีรันเนอร์ (Runner)
บนเบส จะเป็นการเสียเปรียบมาก ดังนั้นพิชเชอร์จึงต้องใช้การขว้างแบบ
Set-position เมื่อมีรันเนอร์บนเบส เพื่อเป็นการป้องกัน
การขโมยเบสของ รันเนอร์ด้วย ในการแข่งขันจริงการขว้างแบบ Set Position
ใช้มากกว่า 60% ขึ้นไป พิชเชอร์จึงต้องฝึกฝนให้มีความชำนาญให้มากเข้าไว้ |
|
Wind-up Position |
|
การขว้างแบบ Wind-up position ( สำหรับคนถนัดขวา ส่วนคนถนัดซ้ายก็ทำกลับข้างกัน ) เริ่มจาก |
|
|
การยืนเตรียมพร้อม
มือจับลูกอยู่ในโกรฟ ( Glove )
วางไว้ที่ประมาณหน้าอกตามสบายแต่ต้องนิ่งเท้าทั้ง 2
ข้างยืนอยู่บนแผ่นพิชเชอร์เพลท ยกแขนขึ้น
เอนตัวไปด้านหลังเล็กน้อยเพื่อรวมน้ำหนักไว้ที่เท้าหลัง |
|
|
|
แล้วถ่ายน้ำหนักมาเท้าหน้าพร้อมยกขา
ซ้ายขึ้นมาด้านหน้าสูงหรือต่ำก็ได้แต่อย่างน้อยให้ระดับต้นขาขนานกับพื้น
บิดสะโพกให้ลำตัวหมุนไปมากที่สุด ระวังให้ลำตัวตั้งฉากกับพื้นตลอด
ให้น้ำหนักตกที่ปลายเท้าขวา |
|
|
|
เริ่มถ่ายน้ำหนักไปข้างหน้าโดยทิ้งสะโพกไปหาแคชเชอร์ |
|
|
|
วางเท้าซ้ายลงบนพื้นระยะพอประมาณตาม
แต่ถนัดมือเงื้อบอลขึ้น ลักษณะระดับให้เป็น ( T-position)
ด้านข้างลำตัวหันไปยังแคชเชอร์และยังตั้งฉากกับพื้นอยู่ |
|
|
|
ถ่ายน้ำหนักจากขวาไปซ้ายเริ่มขว้าง
ลูกโดยการบิดส่วนล่างคือ ขา สะโพก เอว แล้วตามด้วยส่วนบนคือ ลำตัว ไหล่
ดึงแขนซ้ายลงมาช่วยเพิ่มแรงมือขวาเริ่มเคลื่อนไหวออกข้อศอกมาก่อนตามด้วยแขน
ข้อมือจากจุดปล่อยบอลแขนลำตัว
และขาจะเป็นเส้นตรงพลังงานของกล้ามเนื้อจะถ่ายทอดมาจากขาสู่ลำตัว แขน
ข้อมือ และปลายนิ้ว
ซึ่งจะส่งให้ลูกบอลวิ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงที่ปลายนิ้ว
ออกแรงสะบัดลงให้มากที่สุดให้ลูกหมุนขึ้นด้านบนขาขวาพุ่งมาข้างหน้าตามแรง
ส่งแล้ววางลงข้างลำตัว |
|
|
 |
|
|
สุดท้ายคือเหวี่ยงแขนให้ยาวเลยลงไปที่ข้อเท้าหน้า (เป็นจังหวะ Follow Through ) สายตาจับอยู่ที่ มิทท์ (Mitt) ของแคชเชอร์ |
|
|
|
พิชเชอร์เมื่องขว้างบอลไปแล้วก็คือผู้เล่นอินฟิลด์คนหนึ่งจึงต้องพร้อมที่จะรับลูกจากการตีทันทีที่ขว้างบอลไปแล้ว |
|
|
การใช้กล้ามเนื้อในการขว้างของพิชเชอร์ก็เหมือนกับการขว้าง-รับ
ตามปกติคือต้องบิดกล้ามเนื้อให้เกร็งมากที่สุด
ในจังหวะปล่อยบอลกล้ามเนื้อจะคลายตัวปล่อยพลังงานออกมาได้เต็มที่ |
|
|
|
|
|
การขว้างแบบ Set-Position (สำหรับคนถนัดขวา ส่วนคนถนัดซ้ายก็ทำกลับข้างกัน) |
|
|
การยืน พิชเชอร์จะยืนโดยหันด้านข้างของลำตัวตรงไปยังแคชเชอร์ |
|
|
|
มือจะอยู่ด้านหน้า
สูงหรือต่ำก็ได้แล้วแต่ความถนัด แต่ต้องอยู่ที่เดิมเสมอ
ปกติแล้วพิชเชอร์จะวางมือไว้ตามสบายประมาณบริเวณหน้าท้อง แขนงอเล็กน้อย
เพราะเป็นท่าพื้นฐานที่เป็นธรรมชาติที่สุด |
|
|
|
เมื่ออยู่ในท่าพร้อมแล้วจะเคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้ ยกเว้น คอ และศรีษะ |
|
|
|
การเริ่มต้นขว้าง
เริ่มด้วยการยกขาซ้ายขึ้นมาให้ระดับต้นขาขนานกับพื้นบิดสะโพกให้ลำตัวหมุนไป
มากที่สุด ต่อไปก็ปฏิบัติเหมือนกับการขว้างแบบ Wind-up position |
|
 |
|
|
|
|
|
การ เช็คเบส Check Base |
|
เมื่อพิชเชอร์อยู่บนพิชเชอร์เพลท พร้อมจะขว้างลูกแล้ว
แต่ต้องการขว้างลูกไปยังตำแหน่ง เบสต่างๆ สามารถทำได้ 2 วิธีคือ |
|
1. ยกเท้าขวาถอยหลังข้ามพิชเชอร์เพลท (พิชเชอร์ถนัดขวา) |
 |
|
2. ก้าวหรือสเต็ปเท้าซ้ายตรงไปยังเบสที่ต้องการขว้างลูกไป ให้การเคลื่อนไหวเป็นไปในจังหวะเดียว |
|
|
เมื่อต้องการเช็คไปที่ เบสที่1 |
|
สำหรับพิชเชอร์มือขวา ปฏิบัติดังนี้ |
|
|
|
ยกเท้าขวาถอยหลัง แยกมือที่จับลูกออกจากโกลฟ แล้วหมุนตัวไปยังเบส 1 จะขว้างบอลหรือไม่ขว้างก็ได้ |
|
|
|
ก้าวสเต็ปเท้าซ้าย
ไปยังเบสที่ 1 ทำแบบนี้จะต้องขว้างบอลไปยัง เบสที่ 1 ด้วย
ในกรณีนี้อนุโลมให้พิชเชอร์ยกส้นเท้าขวาได้เล็กน้อยเพื่อให้หมุนตัวได้
(ถ้าไม่ยกจะติดพิชเชอร์เพลท) แต่ถ้ายกลอยพ้นพื้นทั้งเท้า
แล้ววางลงตำแหน่งเดิมจะเป็นการ “บอล์ค” (Balk)
คือการทำผิดกติการของพิชเชอร์ |
|
|
|
|
สำหรับพิชเชอร์มือซ้าย ปฏิบัติดังนี้ |
|
|
|
ยกเท้าซ้ายข้ามพิชเชอร์เพลท แยกมือที่จับลูกออกจากโกลฟ แล้วจะขว้างบอลหรือไม่ขว้างก็ได้ |
|
|
|
ก้าวเท้าขวาจังหวะเดียวตรงไป
ยังเบสที่ 1 แล้วต้องขว้างบอลไปยังเบสที่ 1 ด้วย ถ้าไม่ขว้างจะเป็นการ
“บอล์ค” (Balk) ถ้าพิชเชอร์ยกเท้าขวาเลยแนวสมมุติดกลางลำตัวไป
จะต้องขว้างบอลไปยังผู้ตีเท่านั้น |
|
|
|
|
|
|
|
|
เมื่อต้องการเช็ค ไปที่ เบส2 |
|
|
ถอยเท้าหลังข้ามพิชเชอร์เพลท แล้วหมุนตัวไปขว้างบอล |
|
|
|
ก้าวเท้าหน้าจังหวะเดียวข้าม
พิชเชอร์เพลทกลับตรงไปยังเบสที่ 2 ทั้ง 2 วิธี
จะขว้างบอลหรือไม่ขว้างก็ได้แต่ต้องก้าวเท้าที่อยู่ด้านหน้าข้ามพิชเชอร์
เพลทตามมาด้วย เมื่อต้องการ เช็ค เบสที่ 3
วิธีการขั้นตอนเหมือนกับการเช็คเบสที่ 1 แต่ให้ปฏิบัติสลับด้านกัน
(จากขวาเป็นซ้าย) |
|
|
|
|
|
|
Fielding การเล่นเกมรับของพิชเชอร์ |
เมื่อขว้างลูกไปแล้วพิชเชอร์ก็มีหน้าที่เสมือนเป็นผู้เล่นฝ่ายรับคนหนึ่ง
ต้องพร้อมที่รับมือกับลูกที่พุ่งออกมาจากผู้ตีเสมอ
จึงต้องคิดก่อนว่าถ้าลูกตรงออกมาที่ตัวเองจะเล่นอย่างไรดี
โดยเฉพาะลูกบั้นท์ (Bunt)
เป็นลูกที่พิชเชอร์มีโอกาสได้พบบ่อยมากเมื่อมีผู้เล่นฝ่ายรุกบนเบส |
|
 |
ตัวอย่างเช่น รันเนอร์
บนเบสที่ 1 พิชเชอร์ ต้องคิดทำ Double Play ก่อนเพราะมีความเป็นไปได้สูง
ฉะนั้นจึงต้องออกตัววิ่งไปเก็บบอลให้เร็วที่สุดส่วนมากคิดว่าหันข้างรับบอล
จะทำให้ขว้างได้เร็วขึ้น แต่ความจริงพิชเชอร์ควรหันหน้าตรงเข้ารับบอล
เพราะจะเก็บบอลได้แน่นอนกว่าแล้วจึงหมุนตัวขว้างลูก
จะทำให้การขว้างลูกแรงขึ้นด้วย |
 |
ตัวอย่างกรณีที่มีรันเนอร์ที่ เบสที่ 3 บางทีเก็บบอลแล้วจะขว้าง
ไม่ทัน
พิชเชอร์จึงต้องส่งบอลคืนให้แคชเชอร์ในจังหวะเดียวคือ
เมื่อรับบอลได้แล้วให้วิ่งต่อไปยังแคชเชอร์ เหวี่ยงแขนให้ลูกพุ่งออกไปจาก
Glove โดยใช้กำลังจากขาช่วยในการส่งบอล |
|
 |
ในกรณีที่ลูกถูกตีออกระหว่าง
พิชเชอร์กับเบสที่ 1 (ด้านซ้ายมือของพิชเชอร์มือขวา)
พิชเชอร์จะต้องวิ่งไปช่วยที่เบสที่ 1 ทุกครั้ง เพราะผู้เล่นเบส 1
จะต้องออกไปเก็บบอล จึงทำให้ขาดคนทำหน้าที่ตรงนั้น |
|
 |
|
|
|
|
การช่วยเหลือ Back up play |
|
พิชเชอร์จะต้องคิดเสมอว่าเมื่อลูกถูกตีออกไปแล้ว รันเนอร์จะวิ่งไปที่ไหน
ไปได้ไกลเท่าไร แล้วจึงไปเตรียมช่วยเหลือในจุดนั้นๆ |
|
ตัวอย่างเช่น
มีรันเนอร์ที่เบสที่ 1 ลูกถูกตีออกไปทางไรท์ฟิลด์ (Right Field)
มีความเป็นไปได้สูงที่รันเนอร์จะวิ่งไปถึงเบสที่ 3
และอาจมีการขว้างบอลมาบริเวณนั้นแน่นอน
จึงควรจะไปช่วยเหลือบริเวณหลังเบสที่ 3 (ตามรูป) |
|
หรือตัวอย่างเช่น
รันเนอร์อยู่ที่เบสที่ 2
ลูกถูกตีออกไปที่เอาท์ฟิลด์รันเนอร์น่าจะพยายามวิ่งเข้าโฮมเพื่อทำคะแนน
พิชเชอร์จึงควรที่จะไปช่วยเหลือบริเวณหลังโฮมเพลท
เผื่อในกรณีมีการเล่นผิดพลาด |
|
|
|
 |
|
 |
|
พิชเชอร์
นอกจากจะต้องฝึกขว้างลูกอย่างหนักแล้ว
ยังต้องฝึกฝนในการเล่นเกมรับเสมือนเป็นผู้เล่นฝ่ายรับคนหนึ่งด้วย
นักกีฬาที่ต้องการเป็นพิชเชอร์จึงต้องมีความพยายามอดทน
และทุ่มเทให้กับการฝึกฝนอย่างหนัก
เพราะหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติในสนามนั้นเป็นภารกิจที่หนัก มีความสำคัญมาก |
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น