วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2555

ทักษะการเล่นเฉพาะ ตำแหน่ง PITCHER

PITCHER พิชเชอร์
 
 
          ผู้เล่นในตำแหน่งพิชเชอร์มีความสำคัญต่อเกมการแข่งขันมากไม่ใช่แค่เพราะเกม จะเริ่มจากบอลที่ถูกพิชเชอร์ขว้างมาเท่านั้น แต่เกิดจากการสร้างสรรค์เกม แผนการเล่นในการป้องกันการตีของคู่ต่อสู้ซึ่งเริ่มมาจาก
 
 
การขว้างบอลของพิชเชอร์
 
          ไม่ว่าผลการแข่งขันจะเป็นอย่างไร ทีมใดมีพิชเชอร์ที่ดี เกมส์การแข่งขันของทีมก็มักจะดีด้วย ในอดีตผู้เล่นระดับอาชีพยอมรับว่าพิชเชอร์มีผลต่อการแข่งขันมากถึง 70% แต่ในปัจจุบันกลับมีผลมากยิ่งขึ้นถึง 80% เป็นการตอกย้ำให้เห็นความสำคัญของพิชเชอร์ได้อย่างชัดเจนในการแข่งขัน กล้ามเนื้อให้ทำงานหนักเป็นระยะเวลานานจะเกิดบาดเจ็บได้ง่าย และในหนึ่งฤดูกาลแข่งขัน ก็ต้องเล่นมากกว่าหนึ่งเกมแน่นอน ในระยะยาวการใช้หรือมีพิชเชอร์คนเดียวคงไม่เป็นเรื่องดี
 
          ปัจจุบันการแข่งขัน ใช้ความคิด มีกลยุทธ์ พลิกแพลงในการเล่นมากมาย และผู้ตีก็มีพัฒนาการก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วทีมจึงมีความต้องการพิชเชอร์ที่ มีความเหมาะสมกับการเล่นที่แตกต่างกัน ในการแข่งขันเราจึงแบ่งพิชเชอร์ออกเป็น 3 ประเภทคือ
 
  Starter : คือพิชเชอร์ที่ทำหน้าที่เป็นคนแรก
   
  Relive :  คือพิชเชอร์ที่เข้าเปลี่ยนเป็นคนต่อมา
   
  Closer :  คือพิชเชอร์ที่ทำหน้าที่เป็นคนสุดท้าย
   
          จากความสำคัญของภาระหน้าที่ที่หนักกว่าคนอื่นๆ  ในทีม  ทั้งทางร่างกายและจิตใจ  ผู้เล่นตำแหน่งพิชเชอร์จึงต้องฝึกฝนอย่างหนักมีวินัยเคร่งครัดต่อตัว เองอย่างมาก  พิชเชอร์ต้องมีร่างกายแข็งแกร่งโดยเฉพาะส่วนล่างของลำตัวมีความสำคัญต่อการ ขว้างลูกมาก  การฝึกฝนของพิชเชอร์จึงแตกต่างไปจากคนอื่นๆ บ้าง
 
ข้อแนะนำ
 
          หลังจากผ่านการอบอุ่นร่างกายแล้ว  พิชเชอร์ต้องวิ่งเร็วระยะประมาณ  70-80 เมตร
วันละ 10-15 เที่ยว  เป็นอย่างน้อย  และอาจลดลงในวันก่อนการแข่งขัน
          ตัวอย่างการฝึกซ้อมของพิชเชอร์  เพื่อสร้างเสริมกล้ามเนื้อส่วนล่างให้มีความยืดหยุ่น  และแข็งแรง ( ปฏิบัติทุกเช้า  เริ่มเวลา  05.30-07.00 )
 
    วิ่ง 15 นาที
    ยืด ( Stressching)
    วิ่งเร็ว 80 เมตร 15-20 เที่ยว
    กล้ามท้อง  หลังและลำตัว
 
- Sit-up 30 x 2
- Back up 30 x 2
- Russian twist  30 x 2
- Push up  30 x 2
   
    ฝึกดึงยาง ( Tube Training )
    กระโดดข้าม / ลอด  ยาง 2 เส้น  ให้ยางสูงจากพื้นประมาณ 1 เมตร  พิชเชอร์เข้าไปอยู่ตรงกลางกระโดดข้ามออกมา แล้วลอดกลับเข้าไปกระโดดออกอีกด้านหนึ่ง แล้วลอดกลับเข้ามานับหนึ่งเที่ยวทำทั้งหมด  10  เที่ยวติดต่อกัน
    ยืนแยกเท้าให้กว้างกว่าไหล่  เพื่อนโยนลูกให้รับทั้ง ซ้าย ขวา  รวมกัน 20 ครั้ง
   
 
 

 
ปัจจัย 4 ของพิชเชอร์ ( 4C’s)
 
  1. Control  ( การควบคุม)
 
          พิชเชอร์นอกจากสามารถควบคุมลูกที่ขว้างออกไป  แล้วยังต้องมีความสามารถควบคุมตัวเองได้ดีอีกด้วย ในการควบคุมลูก  หรือการฝึกฝนให้ขว้างลูกต่างๆ  ได้อย่างแม่นยำเป็นหน้าที่  และเป็นสิ่งที่พิชเชอร์ทุกคนคร่ำเคร่งฝึกฝนอย่างหนักกันอยู่แล้ว  แต่การที่จะทำให้ลูกต่างๆ  ที่พิชเชอร์ฝีกฝนมามีประสิทธิภาพสูงสุดพิชเชอร์ จำต้องมีความสามารถในการควบคุมตัวเองที่ดีด้วย  ยิ่งในการแข่งขันที่มีความกดดันมาก  พิชเชอร์ยิ่งต้องควบคุมตัวเองให้มีความ “นิ่ง”  มากยิ่งขึ้น  ไม่ตื่นเต้นเกินไป  หรือไม่เสียใจเกินไป  การควบคุมตัวเองได้ดีก็จะทำให้ทำหน้าที่ได้ดี  ซึ่งส่งผลให้ทำการแข่งขันได้ดีด้วย
 
 
  2. Confidence ( ความเชื่อมั่น )
 
          ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดๆ ต้องมีความมั่นใจ เชื่อมั่น และรักษาความมั่นใจไว้ได้ตลอดเวลาไม่ว่า จะคับขันเข้าตาจนอย่างไรก็ยังรักษาความเชื่อมั่นไว้ได้ ความเชื่อมั่นนี้หมายรวมไปถึงความไว้ใจในเพื่อนร่วมทีมด้วย ความมั่นใจจะเกิดขึ้นได้จากการฝึกซ้อมจนมีความชำนาญ จนมั่นใจว่าเมื่อลงแข่งขันแล้วก็จะทำได้เหมือนกับตอนฝึกซ้อม ฉะนั้นพิชเชอร์จึงต้องทุ่มเทให้กับการฝึกฝนอย่างจริงจัง และฝึกทุกอย่างที่อาจเกิดในระหว่างการแข่งขัน เพื่อความมั่นใจว่าสิ่งที่ทำได้ในระหว่างฝึกซ้อมก็ย่อมทำได้ในระหว่างแข่ง ขันด้วย
 
 
  3. Consistency ( ความสม่ำเสมอ )
 
          พิชเชอร์จะต้อง “นิ่ง” มีความมั่นคงในจิตใจ ทั้งในการฝึกซ้อมและการแข่งขันการใช้ความคิดควบคุม ตัวเองให้มีจิตใจต่อสู้อยู่ตลอดเวลา แม้บางจังหวะจะมีการผิดพลาดไปบ้างก็ไม่เสียใน จมอยู่กับความผิดพลาดนั้น ไม่ลนลาน เมื่อเป็นฝ่ายได้เปรียบก็ไม่ดีใจ จนกลายเป็นความประมาท พิชเชอร์จึงต้องสร้างความ “สม่ำเสมอ ในเรื่องกำลังใจความคิด และจิตใจที่จะพยายามต่อสู้เพื่อเอาชนะอยู่ตลอดเวลา
 
 
  4. Concentrate (สมาธิ)
 
          จิตใจและสมาธิของพิชเชอร์จะต้องอยู่กับเกมการแข่งขัน การขว้างลูกของตัวเอง การเผชิญหน้ากับผู้ตี โดยเฉพาะ เมื่ออยู่บนพิชเชอร์เพลทแล้ว จะไม่วอกแวกไปกับเสียงต่างๆ ที่อยู่รอบตัว พิชเชอร์ควรจะมีสมาธิอยู่กับการเล่น การขว้างลูก จนดูเหมือนว่าทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวเสมือนเป็นเพียงความว่างเปล่า ไม่มีเสียง ไม่มีสี ไม่รู้สึก แม้กระทั่งความร้อนของอากาศที่รอบตัว คือต้อง “นิ่ง” ใจจดจ่ออยู่กับการคิด ควบคุมลูก การขว้างบอล นั่นคือ “สมาธิ” ที่พิชเชอร์ที่ดีจำเป็นต้องมีและเรียกใช้ได้ตลอดเวลา
 
 

 
ลักษณะการขว้างลูกของพิชเชอร์มี 4 แบบ คือ
1. Overhead  throw   การขว้างลูกแบบเหนือไหล่
2. Three quarter throw  การขว้างแบบเหนือไหล่เศษสามส่วนสี่
3. Side-arm throw การขว้างแบบด้านขว้างลำตัว
4. Underhand throw  การขว้างแบบต่ำกว่าไหล่
     
 
          ในการแข่งขันพิชเชอร์สามารถทำการขว้างลูกได้  2  วิธี  คือ แบบ Wind up position ( ไวด์ อัฟ โพซิชั่น ) เป็นท่าพื้นฐานของ พิชเชอร์  และแบบ Set position ( เซท โพซิชั่น )

          การขว้างแบบ  Wind – up  position เป็นท่าขว้างที่ให้ประสิทธิภาพมากที่สุด  แต่เมื่อมีรันเนอร์ (Runner) บนเบส  จะเป็นการเสียเปรียบมาก  ดังนั้นพิชเชอร์จึงต้องใช้การขว้างแบบ Set-position เมื่อมีรันเนอร์บนเบส  เพื่อเป็นการป้องกัน  การขโมยเบสของ  รันเนอร์ด้วย  ในการแข่งขันจริงการขว้างแบบ Set Position  ใช้มากกว่า 60% ขึ้นไป  พิชเชอร์จึงต้องฝึกฝนให้มีความชำนาญให้มากเข้าไว้
 
Wind-up Position
 
          การขว้างแบบ  Wind-up position ( สำหรับคนถนัดขวา  ส่วนคนถนัดซ้ายก็ทำกลับข้างกัน ) เริ่มจาก
 
  การยืนเตรียมพร้อม มือจับลูกอยู่ในโกรฟ ( Glove ) วางไว้ที่ประมาณหน้าอกตามสบายแต่ต้องนิ่งเท้าทั้ง 2 ข้างยืนอยู่บนแผ่นพิชเชอร์เพลท ยกแขนขึ้น เอนตัวไปด้านหลังเล็กน้อยเพื่อรวมน้ำหนักไว้ที่เท้าหลัง
   
  แล้วถ่ายน้ำหนักมาเท้าหน้าพร้อมยกขา ซ้ายขึ้นมาด้านหน้าสูงหรือต่ำก็ได้แต่อย่างน้อยให้ระดับต้นขาขนานกับพื้น บิดสะโพกให้ลำตัวหมุนไปมากที่สุด ระวังให้ลำตัวตั้งฉากกับพื้นตลอด ให้น้ำหนักตกที่ปลายเท้าขวา
   
  เริ่มถ่ายน้ำหนักไปข้างหน้าโดยทิ้งสะโพกไปหาแคชเชอร์
   
  วางเท้าซ้ายลงบนพื้นระยะพอประมาณตาม แต่ถนัดมือเงื้อบอลขึ้น ลักษณะระดับให้เป็น ( T-position) ด้านข้างลำตัวหันไปยังแคชเชอร์และยังตั้งฉากกับพื้นอยู่
   
  ถ่ายน้ำหนักจากขวาไปซ้ายเริ่มขว้าง ลูกโดยการบิดส่วนล่างคือ ขา สะโพก เอว แล้วตามด้วยส่วนบนคือ ลำตัว ไหล่ ดึงแขนซ้ายลงมาช่วยเพิ่มแรงมือขวาเริ่มเคลื่อนไหวออกข้อศอกมาก่อนตามด้วยแขน ข้อมือจากจุดปล่อยบอลแขนลำตัว และขาจะเป็นเส้นตรงพลังงานของกล้ามเนื้อจะถ่ายทอดมาจากขาสู่ลำตัว แขน ข้อมือ และปลายนิ้ว ซึ่งจะส่งให้ลูกบอลวิ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงที่ปลายนิ้ว ออกแรงสะบัดลงให้มากที่สุดให้ลูกหมุนขึ้นด้านบนขาขวาพุ่งมาข้างหน้าตามแรง ส่งแล้ววางลงข้างลำตัว
 
 
  สุดท้ายคือเหวี่ยงแขนให้ยาวเลยลงไปที่ข้อเท้าหน้า (เป็นจังหวะ Follow Through ) สายตาจับอยู่ที่ มิทท์ (Mitt) ของแคชเชอร์
   
  พิชเชอร์เมื่องขว้างบอลไปแล้วก็คือผู้เล่นอินฟิลด์คนหนึ่งจึงต้องพร้อมที่จะรับลูกจากการตีทันทีที่ขว้างบอลไปแล้ว
   
          การใช้กล้ามเนื้อในการขว้างของพิชเชอร์ก็เหมือนกับการขว้าง-รับ  ตามปกติคือต้องบิดกล้ามเนื้อให้เกร็งมากที่สุด  ในจังหวะปล่อยบอลกล้ามเนื้อจะคลายตัวปล่อยพลังงานออกมาได้เต็มที่
 
 

 
การขว้างแบบ Set-Position (สำหรับคนถนัดขวา  ส่วนคนถนัดซ้ายก็ทำกลับข้างกัน)
  การยืน พิชเชอร์จะยืนโดยหันด้านข้างของลำตัวตรงไปยังแคชเชอร์
   
  มือจะอยู่ด้านหน้า สูงหรือต่ำก็ได้แล้วแต่ความถนัด แต่ต้องอยู่ที่เดิมเสมอ ปกติแล้วพิชเชอร์จะวางมือไว้ตามสบายประมาณบริเวณหน้าท้อง แขนงอเล็กน้อย เพราะเป็นท่าพื้นฐานที่เป็นธรรมชาติที่สุด
   
  เมื่ออยู่ในท่าพร้อมแล้วจะเคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้ ยกเว้น คอ และศรีษะ
   
  การเริ่มต้นขว้าง เริ่มด้วยการยกขาซ้ายขึ้นมาให้ระดับต้นขาขนานกับพื้นบิดสะโพกให้ลำตัวหมุนไป มากที่สุด ต่อไปก็ปฏิบัติเหมือนกับการขว้างแบบ Wind-up position
 
 

 
การ เช็คเบส Check Base
 
          เมื่อพิชเชอร์อยู่บนพิชเชอร์เพลท  พร้อมจะขว้างลูกแล้ว  แต่ต้องการขว้างลูกไปยังตำแหน่ง  เบสต่างๆ  สามารถทำได้ 2  วิธีคือ
 
          1. ยกเท้าขวาถอยหลังข้ามพิชเชอร์เพลท (พิชเชอร์ถนัดขวา)
 
          2. ก้าวหรือสเต็ปเท้าซ้ายตรงไปยังเบสที่ต้องการขว้างลูกไป  ให้การเคลื่อนไหวเป็นไปในจังหวะเดียว
 
 
เมื่อต้องการเช็คไปที่ เบสที่1
 
    สำหรับพิชเชอร์มือขวา  ปฏิบัติดังนี้
   
    ยกเท้าขวาถอยหลัง แยกมือที่จับลูกออกจากโกลฟ แล้วหมุนตัวไปยังเบส 1 จะขว้างบอลหรือไม่ขว้างก็ได้
   
    ก้าวสเต็ปเท้าซ้าย ไปยังเบสที่ 1 ทำแบบนี้จะต้องขว้างบอลไปยัง เบสที่ 1 ด้วย ในกรณีนี้อนุโลมให้พิชเชอร์ยกส้นเท้าขวาได้เล็กน้อยเพื่อให้หมุนตัวได้ (ถ้าไม่ยกจะติดพิชเชอร์เพลท) แต่ถ้ายกลอยพ้นพื้นทั้งเท้า แล้ววางลงตำแหน่งเดิมจะเป็นการ “บอล์ค” (Balk) คือการทำผิดกติการของพิชเชอร์
   
   
    สำหรับพิชเชอร์มือซ้าย ปฏิบัติดังนี้
   
   ยกเท้าซ้ายข้ามพิชเชอร์เพลท  แยกมือที่จับลูกออกจากโกลฟ  แล้วจะขว้างบอลหรือไม่ขว้างก็ได้
   
   ก้าวเท้าขวาจังหวะเดียวตรงไป ยังเบสที่ 1 แล้วต้องขว้างบอลไปยังเบสที่ 1 ด้วย ถ้าไม่ขว้างจะเป็นการ “บอล์ค” (Balk) ถ้าพิชเชอร์ยกเท้าขวาเลยแนวสมมุติดกลางลำตัวไป  จะต้องขว้างบอลไปยังผู้ตีเท่านั้น
   
   
 
เมื่อต้องการเช็ค ไปที่ เบส2
 
  ถอยเท้าหลังข้ามพิชเชอร์เพลท แล้วหมุนตัวไปขว้างบอล
   
  ก้าวเท้าหน้าจังหวะเดียวข้าม พิชเชอร์เพลทกลับตรงไปยังเบสที่ 2 ทั้ง 2 วิธี จะขว้างบอลหรือไม่ขว้างก็ได้แต่ต้องก้าวเท้าที่อยู่ด้านหน้าข้ามพิชเชอร์ เพลทตามมาด้วย เมื่อต้องการ เช็ค เบสที่ 3 วิธีการขั้นตอนเหมือนกับการเช็คเบสที่ 1 แต่ให้ปฏิบัติสลับด้านกัน (จากขวาเป็นซ้าย)
   
 

 
Fielding การเล่นเกมรับของพิชเชอร์
          เมื่อขว้างลูกไปแล้วพิชเชอร์ก็มีหน้าที่เสมือนเป็นผู้เล่นฝ่ายรับคนหนึ่ง ต้องพร้อมที่รับมือกับลูกที่พุ่งออกมาจากผู้ตีเสมอ  จึงต้องคิดก่อนว่าถ้าลูกตรงออกมาที่ตัวเองจะเล่นอย่างไรดี  โดยเฉพาะลูกบั้นท์ (Bunt) เป็นลูกที่พิชเชอร์มีโอกาสได้พบบ่อยมากเมื่อมีผู้เล่นฝ่ายรุกบนเบส
 
          ตัวอย่างเช่น  รันเนอร์  บนเบสที่ 1 พิชเชอร์  ต้องคิดทำ Double Play ก่อนเพราะมีความเป็นไปได้สูง ฉะนั้นจึงต้องออกตัววิ่งไปเก็บบอลให้เร็วที่สุดส่วนมากคิดว่าหันข้างรับบอล จะทำให้ขว้างได้เร็วขึ้น  แต่ความจริงพิชเชอร์ควรหันหน้าตรงเข้ารับบอล  เพราะจะเก็บบอลได้แน่นอนกว่าแล้วจึงหมุนตัวขว้างลูก  จะทำให้การขว้างลูกแรงขึ้นด้วย
          ตัวอย่างกรณีที่มีรันเนอร์ที่  เบสที่ 3  บางทีเก็บบอลแล้วจะขว้าง ไม่ทัน  พิชเชอร์จึงต้องส่งบอลคืนให้แคชเชอร์ในจังหวะเดียวคือ  เมื่อรับบอลได้แล้วให้วิ่งต่อไปยังแคชเชอร์  เหวี่ยงแขนให้ลูกพุ่งออกไปจาก Glove โดยใช้กำลังจากขาช่วยในการส่งบอล
 
          ในกรณีที่ลูกถูกตีออกระหว่าง  พิชเชอร์กับเบสที่ 1  (ด้านซ้ายมือของพิชเชอร์มือขวา)  พิชเชอร์จะต้องวิ่งไปช่วยที่เบสที่ 1  ทุกครั้ง  เพราะผู้เล่นเบส 1  จะต้องออกไปเก็บบอล  จึงทำให้ขาดคนทำหน้าที่ตรงนั้น
 
 
 

 
การช่วยเหลือ Back up play
 
          พิชเชอร์จะต้องคิดเสมอว่าเมื่อลูกถูกตีออกไปแล้ว  รันเนอร์จะวิ่งไปที่ไหน  ไปได้ไกลเท่าไร  แล้วจึงไปเตรียมช่วยเหลือในจุดนั้นๆ
 
          ตัวอย่างเช่น  มีรันเนอร์ที่เบสที่ 1 ลูกถูกตีออกไปทางไรท์ฟิลด์ (Right Field) มีความเป็นไปได้สูงที่รันเนอร์จะวิ่งไปถึงเบสที่ 3  และอาจมีการขว้างบอลมาบริเวณนั้นแน่นอน  จึงควรจะไปช่วยเหลือบริเวณหลังเบสที่ 3 (ตามรูป)
 
          หรือตัวอย่างเช่น  รันเนอร์อยู่ที่เบสที่ 2 ลูกถูกตีออกไปที่เอาท์ฟิลด์รันเนอร์น่าจะพยายามวิ่งเข้าโฮมเพื่อทำคะแนน  พิชเชอร์จึงควรที่จะไปช่วยเหลือบริเวณหลังโฮมเพลท  เผื่อในกรณีมีการเล่นผิดพลาด
 
 
            พิชเชอร์  นอกจากจะต้องฝึกขว้างลูกอย่างหนักแล้ว  ยังต้องฝึกฝนในการเล่นเกมรับเสมือนเป็นผู้เล่นฝ่ายรับคนหนึ่งด้วย  นักกีฬาที่ต้องการเป็นพิชเชอร์จึงต้องมีความพยายามอดทน  และทุ่มเทให้กับการฝึกฝนอย่างหนัก เพราะหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติในสนามนั้นเป็นภารกิจที่หนัก  มีความสำคัญมาก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น